top of page

เรื่องดีๆ ที่เราอยากให้คุณรู้

  • รูปภาพนักเขียน: TORI
    TORI
  • 2 ก.ค. 2562
  • ยาว 1 นาที

อัปเดตเมื่อ 3 มี.ค. 2563


ไนลอน โพลีเอสเตอร์

ไนลอน กับ โพลิเอสเตอร์ ล้วนเป็นประเภทของวัสดุต้นกำเนิดผลิตภัณฑ์หลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็นพลาสติกต่างๆ ที่เราใช้กันอยู่ปัจจุบัน ผ้าเครื่องแต่งกาย หรือไปจนถึงอุปกรณ์เล็กๆอย่างซิปเลยค่ะ วันนี้โทริจะมาเล่าให้ฟังว่าทั้งสองตัวนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร ประวัติความเป็นมา ไนลอน เป็นเส้นใยสังเคราะห์ชนิดแรกที่เกิดขึ้นบนโลก ถูกคิดค้นขึ้นโดย Wallace Carothers ในปี ค.ศ.1945 แต่ได้เป็นที่รู้จักกันทั่วไปก็ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สองแล้ว ซึ่งในช่วงแรกได้ถูกนำมาใช้ในการทหารเป็นหลัก เช่น ในร่มชูชีพ และ เต๊นท์ โพลีเอสเตอร์ เกิดขึ้นในช่วงปี ค.ศ.1940 และเริ่มเป็นที่นิยมในช่วงปี ค.ศ.1950 รูปลักษณ์และการสัมผัส ไนลอน ได้ถูกสร้างขึ้นโดยมีแนวความคิดที่จะมาทดแทนเส้นใยไหม และทำให้มีความนุ่ม เบา และมีผิวมันเงางาม อีกทางหนึ่งโพลีเอสเตอร์ถูกสร้างขึ้นให้กระด้างกว่าไนลอน ซึ่งจุดมุ่งหมายดั้งเดิมคือการทำมาใช้กับเครื่องสวมใส่ภายนอก แต่ในยุคปัจจุบันในทางเทคโนโลยีอุตสาหกรรมสามารถผลิตให้เส้นใยโพลีเอสเตอร์นี้มีความนุ่มเทียบเท่ากับไนลอน หรือกระทั่งผ้าฝ้ายได้เลยทีเดียว ความคงทน ทั้ง ไนลอน กับ โพลีเอสเตอร์ ต่างมีความแข็งแรงและมีน้ำหนักที่เบาจากส่วนประกอบทางโครงสร้างโพลิเมอร์ แต่ความพิเศษคือ ไนลอน จะมีความแข็งแกร่งในแง่ของ ‘ความยืดหยุ่นมากกว่า’ ส่วนในด้าย โพลีเอสเตอร์จะมีความแข็งแกร่งอยู่ตัวมากกว่า เมื่อเทียบกับไนลอนองค์ประกอบการรวมตัวของโครงสร้างเส้นใย หากเมื่อมีการหลุดหรือขาดพังลง เส้นใยโพลิเมอร์จะยังอยู่ตัวได้มากกว่าไนลอน คุณสมบัติต่อน้ำ ถ้าพูดถึงเรื่องความสามารถในการแห้งตัวเร็วคงต้องยกให้โพลีเอสเตอร์ แต่อย่างไรก็ตามวัสดุทั้งสองอย่างล้วนมีธรรมชาติที่ไม่ถูกกับน้ำ นั่นหมายความว่าทั้งคู่มีความสามารถในการขับไล่น้ำนั่นเอง ตามหลักการคือน้ำจะระเหยจากผิวของผิวผ้าได้เร็วนั่นเอง ซึ่งในจุดนี้ ไนลอน จะมีการดูดน้ำมากกว่า โพลิเอสเตอร์ นั่นหมายความว่า ผ้าไนลอนนั้น แห้งช้ากว่านั่นเอง การติดสี โพลีเอสเตอร์จะดูดซับสีได้เร็วกว่าไนลอน ซึ่งก็เป็นทั้งเรื่องคุณสมบัติการคายน้ำ และคุณสมบัติด้านอุณหภูมิ ซึ่งโพลีเอสเตอร์นี่คายน้ำได้ดีกว่าจะทำให้สีติดได้รวดเร็วกว่าไนลอน และไนลอนนั้นยังต้องการอุณภูมิในการย้อมมากกว่าโพลีเอสเตอร์อีกด้วย การดูแลรักษา เส้นใยโพลีเอสเตอร์และไนลอนที่ทอหนา ทั้งคู่ต่างมีคุณสมบัติที่ดูแลรักษาง่าย สามารถเข้าเครื่องซัก ปั่นแห้ง แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้ทนต่ออุณหูมิสูงมากนัก โพลิเอสเตอร์ด้วยความที่เนื้อสัมผัสไม่นุ่มเท่าไนลอน อาจจะต้องมีการเสริมน้ำยาปรับผ้านุ่มมากกว่าไนลอน และไนลอนควรจะแยกซักกับผงซักฟอกโดยเฉพาะ เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดคราบเหลือง ในการรีดทั้งคู่ไม่ควรใช้อุณหภูมิที่สูงมากนัก คุณสมบัติพิเศษอื่นๆ การเผาไหม้ – ไนลอนละลายหลังจากนั้นจึงติดไฟทันที ส่วนโพลีเอสเตอร์จะละลายและติดไฟพร้อมกัน ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม – ไนลอนส่วนมากเป็นผลผลิตที่เกิดจากการกลั่นน้ำมัน ส่วนโพลิเอสเตอร์ แม้จะย่อยสลายตามธรรมชาติไม่ได้ แต่สามารถนำมารีไซเคิลได้ การกันUV – โพลีเอสเตอร์กันได้ดีกว่า


ซิปไนลอน

รู้หรือไม่ ซิปปัจจุบันทำจากวัสดุอะไร?

ในปัจจบันซิปส่วนมากจะทำมาจาก โพลีเอสเตอร์ ด้วยคุณสมบัติที่มีความคงทน คงตัวมากกว่าไนลอน และด้วยต้นทุนราคาที่ถูกกว่าด้วย เราจึงหันมาใช้โพลีเอสเตอร์แทนไนลอนแทน


แล้วซิปไนลอนของโทริทำมาจากวัสดุชนิดไหน?

ซิปไนลอนของโทริ มีส่วนประกอบเป็น โพลีเอสเตอร์ทั้งหมด แต่สาเหตุที่ยังใช้ชื่อไนลอนเนื่องจากปัจจุบันทางวงการอุตสาหกรรมและการ์เมนต์ในไทยยังคงยึดใช้ชื่อสินค้าคำว่า ‘ซิปไนลอน’ ที่มีพื้นฐานมาจากยุคแรกเริ่มที่ได้มีการค้าขาย ก็จะรู้จักกันในชื่อไนลอนอย่างแพร่หลายและติดหูมาจนถึงในปัจจุบัน แม้ในตอนนี้เทคโนโลยีส่งเสริมให้เรามาใช้เส้นใยโพลีเอสเตอร์ซึ่งมีคุณสมบัติที่ดีกว่าแทนแล้ว แต่คนก็ยังจำในชื่อของ ซิปไนลอน มากกว่าค่ะ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดด้านซิปต่างๆได้ทางเว็ปไซท์โทริ หรือ อ่านเรื่องราวดีๆเกี่ยวกับซิปได้อีกในเรื่องเล่าจากโทริได้เลยค่ะ

 
 
 

อัปเดตเมื่อ 16 ต.ค. 2563


ความลับซิปซ่อน

เราต่างก็เคยเห็นซิปซ่อนกันมาบ้างแล้วใช่ไหมคะ โดยส่วนมากจะเห็นได้บ่อยๆ ตามเสื้อผ้า เครื่องแต่งกายของสุภาพสตรีเป็นหลัก ด้วยการที่มีความสามารถในการ 'อำพราง' ตัวเองบนเสื้อผ้าหรืองานตัดเย็บต่างๆ เมื่อมองจากภายนอกแทบจะนึกแค่ว่าเป็นรอยต่อเล็กน้อยของผืนผ้า ด้วยประการนี้จึงเป็นที่มาของชื่อที่เรารู้จักกันว่า 'ซิปซ่อน' ยังไงละคะ แต่มากกว่านั้น วันนี้โทริจะมานำเสนอความลับ หรือเรียกกันว่า เปิดโปงความลับของตัวซิปซ่อนให้ได้ชมกันค่ะ

ซิปซ่อน

ซิปซ่อน หรือในภาษาอังกฤษคือ Invisible Zipper / Conceal Zipper ได้ถูกประดิษฐ์ขึ้นในช่วงปี 1950 ซึ่งในตอนนั้นเองยังไม่ได้เป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายดังปัจจุบัน จุดเริ่มต้นของซิปซ่อนคือ ความพยายามที่จะหาวิธีการปิดบังรอยต่อซิป-ฟันซิป ที่ปกติจะเห็นอยู่ทุกครั้งเวลาซิปอยู่บนเสื้อผ้าหรือ สิ่งของต่างๆ ดังนั้นไอเดียที่จะมาเป็นซิปซ่อนจึงได้ถือกำเนิดขึ้นมา

แล้วซิปซ่อน มีจุดไหน มีระบบใด ที่ต่างจากซิปทั่วไปบ้าง?

โทริจะขอยกซิป 'ไนลอน' มาเปรียบเทียบกับซิปซ่อนให้ดูนะคะ ที่ใช้ซิปไนลอนเปรียบเทียบเนื่องจาก ซิปไนลอนเป็นซิปที่เรียกได้ว่าเป็นซิปพื้นฐานของซิปทุกประเภท ใช้กันแพร่หลายมากที่สุด และวัสดุที่ใช้ทำยังใกล้เคียงกันกับซิปซ่อนมากที่สุดค่ะ เรามาเริ่มดูกันที่ลักษณะทั่วไปภายนอกของซิปซ่อนกันก่อนนะคะ


ree
ซิปซ่อน

เมื่อเปรียบเทียบกันระหว่างซิปซ่อนกับซิปไนลอน จะเห็นได้ชัดว่ามีความแตกต่างกันดังนี้ ป้ายซิป ป้ายของซิปซ่อนส่วนใหญ่จะเป็นแบบกลมมนเล็กเนียนเรียบ แต่ของซิปทั่วไปจะมีลักษณะแบนเสียมากกว่า โดยป้ายของซิปซ่อนมักจะมาในสีเดียวกันกับผ้าซิป เพื่อให้มีความกลมกลืนกับเนื้อผ้า หัวซิป หัวซิปของซิปซ่อนจะมีรูปแบบที่ค่อนข้างตายตัว เป็นระบบ Non-Lock เนื่องจากถ้ามีระบบหัวล็อคแบบอื่นจะทำให้ขนาดของหัวซิปนั้นใหญ่ขึ้น และนำไปใช้งานได้ไม่เหมาะสม แต่สังเกตได้ว่ารูปร่างของหัวซิปจะแตกต่างจากซิปปกติทั่วไป คือมีลักษณะเป็นสันวิ่งขึ้นมา และมีห่วงคล้องป้ายซิปในแนวตั้งแทน (ดูภาพวาดประกอบได้จากด้านล่าง) ในขนาดที่เท่ากันหัวซิปซ่อนมักจะใหญ่กว่าหัวซิปไนลอนเบอร์3 เนื่องจากโครงสร้างจำเป็นต้องมีขนาดรางที่ยาวกว่า


ซิปซ่อน
ซิปซ่อน

ซิปไนลอน
ซิปไนลอน

ฟันซิป ฟันซิปของซิปซ่อนจะทำมาจากวัสดุเดียวกันเพียงแต่รูปแบบการทอติดกับเนื้อผ้าจะเป็นคนละลักษณะกัน (จะกล่าวหลังจากนี้ค่ะ) ผ้าซิป ผ้าซิปของซิปไนลอนและซิิปซ่อนจะทอจากเส้นใยโพลิเอสเตอร์เหมือนกัน แต่ผ้าซิปไนลอนจะใช้ผการทอผ้าแบบทั่วไป เน้นให้เนื้อผ้าเต็มผืนมีความหนาทนทาน แต่ในซิปซ่อนผ้าที่ใช้ในการประกอบซิปซ่อนจะถูกทอด้วยเครื่องทออีกรูปแบบหนึ่ง ที่จะให้รูปแบบผ้าที่ออกมามีความโปร่ง ยืดหยุ่นกว่า โดยหากสังเกตดีๆ รูปแบบการทอจะเป็นลักษณะ 'เปียไขว้เปีย' ยึดเข้าด้วยกัน คล้ายๆกับการถักเสื้อสเวตเตอร์ ซึ่งการทอรูปแบบนี้ส่งผลทำให้โครงสร้างของผ้ามีความอ่อนนุ่มยืดหยุดทั้งใช้ในเรื่องของโครงสร้างซิปแล้ว(จะกล่าวต่อไป) ยังรับกับการใช้งานที่อยากจะให้ซิปนั้นดูบางเรียบหายไปกับผ้าอีกด้วย


ฟันซิป

ตัวหยุดซิป ทั่วไปซิปไนลอนหรือโลหะจะใช้ลักษณะของการงับวัสดุต่างๆลงบนฟันซิปพื้นใช้เป็นตัวเบรกให้หยุด หรือยึดปิดท้าย แต่ในซิปซ่อนจะใช้โพลิเอสเตอร์ชิ้นเล็กๆติดลงไปบนเนื้อผ้า โดยโพลิเอสเตอร์จะยึดติดกับฟันซิป-เนื้อผ้าโดยกระบวนการหลอมละลายโดยคลื่นอัลตราโซนิค ส่วนตัวปิดท้ายจะใช้วิธีเดียวกันหลอมให้ฟันซิปติดกัน เป็นอันเสร็จสมบูรณ์


ปิดท้าย

แล้วซิปซ่อนมีกระบวนการพิเศษกว่าซิปทั่วไปอย่างไร?

ในเรื่องโครงสร้าง เรียกได้ว่าซิปซ่อนคือการนำรูปแบบของซิปที่มีอยู่มาประยุกต์ให้เกิดการใช้งานรูปแบบใหม่ โดยระบบของซิปซ่อนสามารถอธิบายง่ายๆได้คือ 'ซิปซ่อนเกิดจากการพลิกกลับด้านของฟันซิปจากบนลงล่าง จากซ้ายไปขวา'


ระบบซิป

กล่าวคือถ้าหากสังเกตตัวฟันซิปของซิปซ่อนจะอยู่ด้านล่างใช่ไหมคะ นั่นแหละค่ะคือการบิดฟันซิปม้วนลงไปด้านใต้ พอรูปซิปเนื้อผ้าด้านบนก็จะยึดติดกันไม่เห็นร่องรอยฟัน และอีกอย่างหนึ่งคือ เมื่อม้วนฟันซิปลงมาแล้ว ในการทอฟันซิปเข้าไปปกติเราจะให้ฟันซิปหันไปด้านนอกผ้า แต่ในซิปซ่อนเราจะกลับฝั่งมาไว้ข้างใน เมื่อมีการม้วนฟันลงไปตัวฟันนี้เองก็จะกลับมาหันประกบกันได้พอดีเหมือนลักษณะของซิปทั่วไป แต่เรียกได้ว่า 'เป็นการกลับหัวกลับหางฟันซิป' นั่นเองค่ะ


ระบบซิป

ทั้งนี้ ซิปซ่อน เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่เกิดจากการลองผิดลองถูกกันมา ตั้งแต่สมัยก่อน ซิปซ่อนก็มีลักาณะเหมือนซิปไนลอนทั่วไป แค่เป็นการกลับด้าน แต่ผ้าซิปก็ยังไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ยืดหยุ่นทนต่อการดีดตัวของฟันเวลาม้วนลง ทำให้ใช้งานได้ไม่ดี ฝืดบ้างเสียบ้าง แต่ในที่สุดเราก็ได้มีซิปซ่อนที่มีประสิทธิภาพใช้กันในปัจจุบัน ต้องขอขอบคุณคนรุ่นก่อนๆ ที่คิดค้นสิ่งประดิษฐ์ ที่ทำให้ชีวิตของเราอยู่ได้อย่างสบาย และสวยงามมากขึ้นเลยนะคะ


สนใจซิป ดูผลิตภัณฑ์ของเราเพิ่มเติมที่นี่ คลิก


หากท่านใดมีความสนใจในซิปหรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ ทางโทริยินดีให้คำปรึกษาตลอด เพียงติดต่อมาหาเราได้ที่นี่ ติดต่อเรา และท่านสามารถติดตามการอัพเดทข่าวสาร และสิ่งที่น่าสนใจได้ใน facebook ของเรา ตามลิ้งค์นี้ได้เลยค่ะ Torithailand facebook


#ซิปซ่อน #ระบบซิปซ่อน #ความลับของซิปซ่อน #การทำงานซิปซ่อน #ซิป #โทร#โทริไทยแลนด์

 
 
 

อัปเดตเมื่อ 4 ก.ค. 2562


เสียงรูดซิป

วื้ดๆๆ เสียงรูดซิปที่เราได้ยินกันทุกวันจากกระเป๋าดินสอ เสื้อแจ็คเกต หรือแม้แต่เสียงบีท บ็อกซ์ที่สร้างขึ้นจากคนเรา เสียงวื้ดๆที่บางคนก็ชอบ แต่บางคนก็รำคาญ (โดยเฉพาะจากเด็กๆที่กำลังซนรูดไม่หยุดเลย) มีหลักเกิดขึ้นมาได้อย่างไร วันนี้โทริจะขอมาเล่าให้ฟังกันแบบง่ายๆค่ะ

อะไรที่ทำให้ซิปถึงสร้างเสียง?


เสียงรูดซิป
ที่มา : https://www.thoughtco.com/definition-of-frequency-605149

เรามาเริ่มจากการลองหยิบซิปข้างๆตัวมารูดกันดู ง่ายๆเลยเห็นโครงสร้างของมันใช่ไหมคะ การที่เราจะรูดเราจะใช้องค์ประกอบหลักๆอยู่สองส่วนของซิปคือ หัวซิป และฟันซิป พอลองทดสอบรูดดูก็น่าจะรู้สึกถึงการสั่นสะเทือนแล้วก็ได้ยินเสียงกันใช่ไหมคะ สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เองเกิดมาจากแรงเสียดสีระหว่างฟันซิปทั้งสองด้านมาประกบกันและ เปลี่ยนแปลงพลังงานจลน์หรือพลังงานที่เกิดจากวัตถุทางกายภาพเคลื่อนที่จากการรูด ให้เป็น 'ความร้อน' และ 'เสียง'


ปรากฎการณ์นี้เกิดขึ้นเป็นไปตามกฎของการอนุรักษ์พลังงาน (Law of conservation of energy : พลังงานเป็นสิ่งที่ไม่สามารถสร้างขึ้นมาได้ และไม่สามารถที่จะทำให้สูญหายไปได้ เพียงแต่สามารถเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ได้) ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่นี่ ในขณะเดียวกันทฤษฎีนี้ก็กล่าวว่าในทางกลับกันมันก็มีโอกาสในบางสถานการณ์ที่เราจะสูญเสียพลังงานบางส่วนกลายเป็นพลังงานส่วนอื่นในขั้นตอนนี้ ซึ่งในเคสของการรูดซิปก็คือ พลังงานกลายเป็นความร้อนและเสียง แรงเสียดสีของหัวซิปกับฟันซิปและ ฟันซิปด้วยกันเองสร้างพลังความร้อนขึ้นมา และ'การสั่นสะเทือน' ที่เกิดขึ้นก็เป็นที่มาของเซียงรูดซิปที่เราได้ยินกัน หลักการของเสียง

เสียงรูดซิป
ที่มา : https://learn.genetics.utah.edu/content/senses/hearing/

จากที่กล่าวมา เสียงของการรูดเกิดจากแรงเสียดสี แต่ที่นี้เรามาดูกันให้ลึกขึ้นว่าหลักการของเสียงเป็นอย่างไร 'เสียง' เกิดจากคลื่นเสียงมีการเคลื่อนที่ อัตราการเคลื่อนที่ในเวลาหนึ่งเราจะเรียกว่า 'ความถี่'(frequency) ส่วนมากจะวัดกันต่อวินาทีโดยมีหน่วยที่อาจจะคุ้นหูกันคือ เฮิร์ตซ์(Hertz) แต่ในกรณีของซิปเรามองง่ายๆว่าเป็นการรูดผ่านกี่ฟันต่อวินาทีก็ได้ค่ะ และด้วยความถี่มากหรือน้อยเป็นผลทำให้เสียงดังหรือเบา ดังนั้นอธิบายง่ายๆคือ เมื่อเรารูดเร็วขึ้นความถี่ของฟันที่รูดผ่านต่อวินาทีก็มากขึ้น เมื่อเรายิ่งรูดเร็วก็จะยิ่งเกิดเสียงรูดซิปที่ดังขึ้นเช่นกัน อีกทั้งยังมีเรื่องของการเกิด'ระดับเสียง'หรือ Pitch ที่มีผลทำให้เกิดเสียงสูงเสียงต่ำ เมื่อความถี่มากเสียงก็จะสูงมากไปตามกัน อ่านเรื่องระดับเสียงเพิ่มเติมได้ที่นี่ บทสรุปการเกิดเสียง

ree

ดังนั้นการที่เรายิ่งรูดซิปขึ้นลงเร็วเท่าไร เสียงที่เกิดก็จะดังและสูงมากขึ้นเท่านั้น และเช่นกัน ถ้าเรารูดช้าก็จะเกิดเสียงต่ำและเบา นอกจากนี้เรื่องวัสดุก็มีส่วนเกี่ยวข้อง ฟันซิปต่างชนิดกันเช่น ฟันโลหะ ฟันพลาสติก ฟันไนลอน ล้วนมีปริมาณเสียงจากการเสียดสีไม่เท่ากัน หรือแม้กระทั่งความยาวของซิปเองก็มีผล เพราะจะทำให้ความถี่สามารถเป็นไปได้ที่จะมากขึ้นเช่นกันค่ะ

สุดท้ายนี้โทริ ฝากคลิปเสียงซิปที่เจอใน Youtube มาให้ทุกคนลองฟังเล่นกันนะคะ ในคลิปจะมีรูปคลื่นเสียงให้ดูด้วยว่าต่างกันยังไงค่ะ :)


หากท่านใดมีความสนใจในซิปหรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ ทางโทริยินดีให้คำปรึกษาตลอด เพียงติดต่อมาหาเราได้ที่นี่ ติดต่อเรา และท่านสามารถติดตามการอัพเดทข่าวสาร และสิ่งที่น่าสนใจได้ใน facebook ของเรา ตามลิ้งค์นี้ได้เลยค่ะ Torithailand facebook #เรื่องราวซิป #เสียงรูดซิป #ซิป #โทร#โทริไทยแลนด์ #torithailand

 
 
 
bottom of page